เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) ดาวเตะจอมม้วนของหงส์แดง ลิเวอร์พูล (Liverpool) ออกมาเปิดเผยว่า ในเวลานี้นั้นเขากำลังลงเล่นด้วยความสุขอย่างเต็มเปี่ยม หลังเพิ่งจะได้เป็นพ่อคนเมื่อไม่นานมานี้ โดยทาง เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) นั้นพึ่งจะได้ลูกสาวมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำให้เจ้าตัวดูจะแฮปปี้มากๆ ในเวลานี้ ซึ่งในเกมที่หงส์แดง ลิเวอร์พูล (Liverpool) เปิดบ้าน แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เชลซี (Chelsea) นั้น เจ้าตัวสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มีส่วนร่วมกับทั้งสองประตู รวมถึงเป็นคนที่ยิงประตูชัยให้ทีมได้ในที่สุด จนคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) ออกมาเปิดเผยหลังเกมว่า ตัวเขานั้น มีพลังงานอย่างมากหลังได้ลูกสาว จนทำให้เขาลงเล่นไปพร้อมกับรอยยิ้มในเกมนี้แล้วก็สร้างผลงานออกได้อย่างที่ใจหวังไว้
เคอร์ติส โจนส์ ยิงประตูชัย พร้อมฉลองด้วยท่าดีใจ หลังได้ลูกสาว จบเกมคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองได้อีกด้วย
เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเชื่อว่าทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เกมบิ๊กแมตช์ ระหว่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่เปิดแอนฟิลด์ พบกับ สิงห์บลู เชลซี (Chelsea) ที่ไม่แพ้ใครมา 6 นัดติดต่อกันแถมยังมี โคล พาลเมอร์ (Cole Palmer) ตัวทีเด็ดดาวเตะเดอะแบก ที่ฟอร์มกำลังกระฉูดในเวลานี้ ครึ่งเริ่มขึ้นเป็นทางฝั่งทีมเยือน เชลซี (Chelsea) ที่ดูจะทำได้ดีกว่า ทั้งแง่ของ การครองบอลและการสร้างสรรค์โอกาส แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ก่อนเริ่มเกม ทางเว็บ sbo ให้ ลิเวอร์พูล (Liverpool) เป็นต่อ 1 ลูก ถือว่าเป็นราคาต่อรองที่สูงมาก แต่พอเกมเริ่มไปราคาใน sbo ก็เปลี่ยนไป เพราะ เชลซี (Chelsea) ทำได้ดีกว่าทีมเจ้าบ้าน แต่ทว่าจังหวะสวนกลับของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) กลับสร้างความโกลาหล ให้เกมรับของ เชลซี (Chelsea) ได้หนักหน่วงเช่นกัน บอลวางทะลุแนวรับของหงส์แดง เล่นงาน เชลซี (Chelsea) ได้อย่างยอดเยี่ยม นาทีที่ 6 มีจังหวะน่ากังขา หลัง โตซิน อดาราไบโอโย่ (Tosin Adarabioyo) กองหลังของ เชลซี (Chelsea) ไปดึงเหนี่ยว ดิโอโก้ โชต้า (Diogo Jota) จนล้มลง เหตุการณ์มันเหมือนกับ จังหวะที่ วิเลี่ยม ซาลิบา (William Saliba) โดนใบแดงไปเมื่อวันก่อน เป๊ะๆ แต่ผู้ตัดสิน จอห์น บรู๊ค (John Brooks) กลับให้เป็นแค่ใบเหลือง ทั้งที่ โตซิน เป็นตัวสุดท้าย และจากจังหวะนี้ดูเหมือนว่าทาง ดิโอโก้ โชต้า (Diogo Jota) จะได้รับบาดเจ็บไปด้วย แต่แล้วนาทีที่ 27 เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) ก็มาเรียกจุดโทษให้หงส์แดง ได้สำเร็จ แม้จังหวะอาจจะดูงงๆ แต่จากภาพก็เห็นได้เลยว่า ทาง ลีวาย โควิลล์ (Levi Colwill) นั้นตั้งใจเตะขา เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) จริงๆ และก็เป็น โมอาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ลิเวอร์พูล (Liverpool) เจ้าบ้าน นำ 1-0 จากนั้นมีจังหวะที่ โคดี้ กัคโป (Cody Gakpo) ยิงเข้าไป แต่ก็ล้ำหน้าไปก่อน ครึ่งหลังเริ่มมาไม่นาน นิโคลัส แจ็คสัน (Nicolas Jackson) ทำประตูตีเสมอ ให้ทีมสิงห์บลูได้สำเร็จ หลังจากเช็ค VAR แล้วไม่ล้ำหน้า แต่ดีใจได้ยังไม่ทันจะถึงสองนาที ก็มาโดน เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) ยิงนำอีกครั้งจากการจ่ายบอลสุดสวย ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) และประตูนี้ก็กลายเป็นประตูชัยให้หงส์แดง เอาชนะได้ เชลซี (Chelsea) ไปได้ในที่สุด โดย เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) มีส่วนร่วมกับทั้งสองประตูของทีม รวมถึงเป็นคนยิงประตูชัยได้ ทำให้เขานั้นคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองในเกมนี้
คาร่า ยก โจนส์ ของแท้หลังช่วยทีมเก็บชัยชนะพร้อมก้าวไปนำจ่าฝูงต่อได้สำเร็จ ชู หงส์คงไม่ต้อง ซูบิเมนดี้ อีกแล้วหาก โจนส์ ยังเล่นได้แบบนี้
ไม่วายอวยอีก เจมี่ คาราเกอร์ (Jamie Carragher) อดีตตำนานกองหลังของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่ปัจจุบันทำหน้าที่ เป็นนักวิจารณ์ของ สกายสปอร์ต ออกมายกย่องผลงานของ เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) กองกลางพ่อลูกอ่อน ของทีมที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปในเกมนี้ นอกจากนี้ยังแสดงทรรศนะต่อไปอีกว่า ทางทีมหงส์แดง น่าจะไม่จำเป็นต้องไปคว้าตัว มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (Martín Zubimendi) อีกต่อไปแล้ว อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ทาง เจมี่ คาราเกอร์ (Jamie Carragher) นั้นประทับใจฟอร์มของ เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) ในเกมนี้มากๆ โดยคาร่า กล่าวว่า แม้ทาง เคอร์ติส โจนส์ (Curtis Jones) จะรู้ว่าเขาอาจจะยังไม่ใช่ตัวเลือกแรกของ อาร์เน่อ สล็อท เพราะ ในทีมมีทั้ง ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (Alexis Mac Allister) แต่ด้วยวิธีการเล่นกับฟอร์มระดับนี้ เขาก็มองว่า อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) อาจจะไม่จำเป็นต้องหวนกลับไปทาบทาม มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (Martín Zubimendi) อีกแล้วในตลาดเดือน มกราคมนี้ แต่ถึงกระนั้น คาร่า ก็เตือนว่า โจนส์ จะต้องรักษามาตรฐานของเขาไว้ให้ได้ อย่างให้ตกลงไปเพราะนักเตะทุกคนในทีม มีศักยภาพ ที่จะแย่งตำแหน่งซึ่งกันและกันได้ทั้งสิ้นนั่นเอง